Translate

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โปรดวิญญาณสัตว์

พระแม่กวนอิมโปรดวิญญาณสัตว์

นะโม กวนซีอิม ผ่อสัก
เย็นวันหนึ่งได้มีสมาชิกของสมาคมไทย - กวนอิมมาหาฉัน เพื่อที่จะบอกลา  ก่อนย้ายครอบครัวกลับเมืองไทย  เขาได้นำเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง  ฉันขอสมมติชื่อสมาชิกผู้นี้ว่า "นาง"  และเพื่อนเขาชื่อว่า "บัว" นางกับบัวเป็นเพื่อนสนิทกันมาก  เพราะมีทัศนะคล้าย ๆ กัน นิสัยก็ใกล้เคียงกันมาก  ทั้งสองคนเป็นคนโชคดีที่ได้สามีคนสวิส  ที่เข้าใจและรักเอาอกเอาใจดี  ถึงแม้ว่าจะพูดภาษาเยอรมันไม่ค่อยได้ ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแปลความหมายผิด ๆ ถูก ๆ  จนบางครั้งเป็นเหตุ ให้เกิดการทะเลาะกันใหญ่โตก็มี  ฉันรู้จักนางตั้งแต่วันแรกที่เขามาอยู่สวิตเซอร์แลนด์  เพราะต้องทำหน้าที่เป็นล่ามแปลให้ทั้งสองฝ่าย  เวลาเขามีเรื่องทะเลาะกันฉันก็ต้องรับทราบด้วย หรือเวลานางเจ็บป่วยหนัก  ฉันก็ช่วยแปลให้หมอด้วย นางและสามีเคยเรียนภาษาไทยและภาษาเยอรมันกับฉัน  เขานับถือฉันเหมือนแม่  คือเป็นทั้งครูและแม่ของพวกเขา  สามีเขาเกิดความเบื่อหน่ายที่จะอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เขาชอบเมืองไทยมาก เลยตัดสินใจย้ายครอบครัวอย่างรวดเร็วโดยที่ฝ่ายภรรยายังไม่รู้ตัว  แต่นางก็ต้องยอมตามใจ  เพราะสามีมอบอำนาจให้เป็นใหญ่ทุกอย่างในเมืองไทย เย็นวันก่อนจากกัน  เขาพากันมาลาฉัน  ก็มีเรื่องตื่นเต้นอีกแบบหนึ่ง

ในเย็นวันนั้น  ฉันได้ทำอาหารไทย  เลี้ยงนางกับสามีและเพื่อนเขาด้วย  เสร็จแล้วเราก็สนทนากันหลายอย่าง นางก็ฝากให้ฉันช่วยอบรมสั่งสอนสามีเธอให้ด้วย  เธอเกรงว่าสามีจะไปเที่ยวพูดกับผู้หญิงชาวบ้านข้างเคียง  สามีพูดไทยเก่ง จึงทำให้ภรรยาเกิดความกลัวเขานอกใจ ฉันก็ทำหน้าที่แปลให้เขาเข้าใจว่า  ภรรยาเขาต้องการอะไร ก็ว่ากันไปตามสมควร  บางครั้งก็แปลตรง ๆ ไม่ได้  เพราะอาจทำให้เขาขัดใจกันได้  หลังจากได้สนทนากันพอสมควรแล้ว นางกับบัวอยากจะไปกราบพระแม่กวนอิมในห้องพระแม่  ฉันเชิญพวกเขาไปที่ห้องพระแม่กวนอิม  เพื่อสวดมนต์ถวายท่าน  ส่วนสามีเขาไม่ไปด้วย  เราก็สวดมนต์พร้อมกัน

จากนั้นฉันก็ได้สื่อญาณพระแม่กวนอิม ท่านก็เสด็จมาโปรด  เริ่มด้วยการสวดเป็นภาษาของท่าน สวดไพเราะมาก  พอบัวได้ยินเสียงสวดเท่านั้นแหละ  เขาเกิดอาการเหมือนกับว่าเจ็บปวดมาก ๆ  ร้องเสียงดังลั่นห้อง เหมือนวัวกำลังจะถูกเชือดคอ เสียงวัวชัด ๆ เลย  ร้องดังมากตลอดที่พระแม่สวดมนต์  เขาร้องแล้วก็นอนลงกับพื้น  ดิ้นกลิ้งไปมาอย่างทุรนทุราย

หลังจากที่พระแม่กวนอิมสวดเสร็จแล้ว  เสียงวัวร้องก็สงบลงเช่นกัน  พระแม่กวนอิมได้โปรดวิญญาณ เริ่มด้วยการซักถามว่าเป็นใคร  ตอนแรกก็ไม่มีเสียงตอบใด ๆ  ท่านก็ถามซ้ำอีก  จนในที่สุดก็มีเสียงพูดออกมา เล่นเอาพวกเราตกใจตาม ๆ กัน เพราะเพิ่งจะเจอเป็นครั้งแรก ที่คนแปลกหน้า  มาที่บ้านแล้วมีอาการแสดงออกเหมือนคนเจ็บปวดสาหัสแทบตายเช่นนี้  เสียงที่ตอบออกมานั้น  ห้าวแหบเหมือนกับคนมีอายุแก่มาก ๆ  พูดขึ้นว่า  "กูเป็นวัว กูหนาวมาก" เขาคงจะหนาวจริง ๆ เพราะช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว  หิมะตกหนักด้วย   นางรีบไปคว้าเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ให้

จากนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นว่า "ข้าต้องการจะไปอยู่ที่วัดป่า" นางถามว่า "ท่านเป็นใคร" เขาตอบว่า "ถามนังบัวซิ มันรู้ดี ว่่ามันเอาอะไรมา ข้าไม่ต้องการอยู่กับมัน" นางก็ทำหน้าที่ตอบแทนบัวว่า "เดี๋ยวลูกจะให้บัวเขาทำตามที่ท่านต้องการ"  นางได้ขอให้พระแม่โปรดวิญญาณวัว ท่านก็ได้สวดทำพิธีเชิญวิญญาณวัว  ออกจากร่าง ๆ  ก็ค่อยลืมตาและรู้สึกตัวทีละน้อย แต่ก็ยังไม่มีแรงที่จะลุขึ้นนั่ง  เจ้าตัวรู้สึกงง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง เธอบอกว่าไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน


หลังจากที่บัวเป็นปกติแล้ว  ได้เล่าให้ฟังว่า  เธอได้นำองค์ "พระสยามเทวาธิราช" จากพี่สาวให้มา เอามาไว้บูชาที่บ้าน  นับตั้งแต่นั้นมา   เธอไม่เคยนอนหลับกลางคืนเลย  กินแต่ผักและผลไม้เท่านั้น ไม่กินอาหารพวกเนื้อสัตว์เลย  ไม่นอนบนเตียงจะนอนบนพื้น  เวลาไปทำงานก็ไม่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน บางครั้งก็ไม่มีแรง  มีความรู้สึกบางครั้งเหมือนไม่ใช่ตนเอง  แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร  บางครั้งสามีก็เกิดอาการวิปลาสทางจิต  อยู่ดี ๆ ก็เดินแก้ผ้าในบ้าน มือถือดาบเดินเข้ามาหาเธอ  แล้วก็เอาดาบจี้อกแก ขู่ว่าจะฆ่า  ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ากลัวไม่น้อยเลย

นี่ก็เป็นเหตุการณ์ท่ี่นึกไม่ถึง  ว่าจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อีก  ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของบัว  ที่ติดตามนางมาที่สมาคม  ทำให้วิญญาณวัวตนนี้  ได้รับการปลดปล่อย  บัวก็จะได้มีชีวิตที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป  ส่วนองค์พระสยามเทวาธิราชนั้น  บัวก็ได้ฝากให้นาง  เอาไปถวายวัดป่าใกล้ ๆ บ้านของเธอ  ทราบข่าวภายหลังว่า  บัวได้ไปให้พลวงพ่อที่วัดป่า  ช่วยรักษาปัดเป่าให้อีกครั้งจนเป็นปกติ

นี่แหละค่ะ...การที่เราจะมีสิ่งของหรือวัตถุบูชาไว้บูชา  ก็ควรจะศึกษาให้เข้าใจในสิ่งนั้นเสียก่อน  เพราะว่าของบางอย่าง  อาจไม่เหมาะสมกับสถานที่และตัวบุคคล  ที่จะเป็นเจ้าของหรือครอบครอง  และปฏิบัติต่อสิ่งนั้นไม่ถูกต้องก็จะมีผลเป็นโทษมากกว่าที่จะให้คุณ  ของสิ่งใดมีคุณมาก   ก็ย่อมจะมีโทษมากได้เช่นกัน  ถ้าไม่รู้อะไรเลย ไม่มีก็จะดีกว่า ฉะนั้นจึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อน  จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ควรถามผู้รู้ผู้มีประสบการณ์  หรือค้นคว้าตำราศึกษาเองก็ย่อมได้  ไม่ควรมีวัตถุบูชา เพราะความเชื่อตามกระแสสังคมหรือกระแสกิเลส  ความเชื่อแบบไร้เหตุผล  จะกลายเป็นความเชื่อแบบงมงาย ซึ่งอาจนำมาสู่ความหายนะได้ในภายหลัง