Translate

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พระคาถามหากรุณาธาณีสูตร (ตอน ๙)

ปางที่ ๒๘
ตูลู  ตูลู  ฮัวแซเหย่ตี


ปางที่ ๒๘

ภาคนิรมาณกาย....พระโพธิสัตว์ได้นิรมาณกายเป็นพระอุครโพธิสัตว์ คุมทหารของมยุรราชไปปราบหมู่มารทั้งหลาย

คำแปล...."ตูลู  ตูลู"  แปลว่า  ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องมีใจตั้งมั่นแน่วแน่  มีความสงบ ไม่ลุ่มหลงตกไปในมิจฉาทิฏฐิ...."ฮัวแซเหย่ตี"  แปลว่า  ความบริสุทธิ์และความมีพลังอันยิ่งใหญ่ของจิต สามารถที่จะข้ามพ้นจากสังสารวัฏฏ์ได้

อรรถว่า....พระโพธิสัตว์ทรงมุ่งแนะนำสั่งสอนผู้ปฏิบัติธรรม  เพื่อให้ประจักษ์แจ้งรู้ชัดลักษณะสภาพธรรมตามความเปนจริง  เร่งศึกษาปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ มีใจมั่นคงแน่วแน่ ไม่ท้อแท้เบื่อหน่ายในการฝึกอบรม

...................................................................................................................................................

ปางที่ ๒๙
หมอฮอ ฮัวแซ  เหย่ตี

ปางที่ ๒๙

ภาคนิรมาณกาย....พระโพธิสัตว์ทรงนิรมาณกายเป็นแม่ทัพมหาพละ  มือขวาถือคทาสำหรับคุ้มครองสัตว์โลกที่กำลังเพียรสร้างกุศลและปฏิบัติธรรมอยู่

คำแปล...."หมอฮอ ฮัวแซ เหย่ตี"  แปลว่า  พระสัทธรรมอันยิ่งใหญ่ไพศาล มีคุณสามารถระงับดับกิเลสได้  ภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่เบียดเบียน...ทุกคนสามารถบรรลุพระธรรมในขั้นสูงสุดได้

อรรถว่า....พระคาถาบทนี้  มุ่งเพื่อขจัดความเห็นผิด  ความเห็นว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เพื่อละความยึดมั่นถือมั่นในธรรมะทั้งปวง....เมือ่จิตสะอาดบริสุทธิ์ปราศจาก โลภะ  โทสะ  โมหะ อันเป็นกิเลสที่เกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง  เหล่ามารทั้งหลายก็จะไม่กล้าที่จะรบกวนได้...เป็นผู้มีปรกติเจริญสติอยู่เสมอ  สักวันหนึ่งจะเป็นผู้บรรลุมรรค ผล นิพพาน เมื่อเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิตพร้อมแล้ว....และเมื่อนั้นท่านก็จะมีจิตเป็นพุทธะ

.................................................................................................................................................

ปางที่ ๓๐
ทอลาทอลา

ปางที่ ๓๐


ภาคนิรมาณกาย....พระองค์ได้ทรงนิรมาณกายเป็นพระมหาบุรุษ ทรงบำเพ็ญทุกขกิริยา คือการกระทำกิจอันทำได้ยากยิ่ง

คำแปล...."ทอลาทอลา"  แปลว่า  เป็นธารณี  เมื่อปฏิบัติจนจิตผ่องใสสะอาดหมดจดจากกิเลสทั้งปวง เมื่อสิ้นจากความเป็นมนุษย์ในโลกนี้  ก็จะได้ไปปฏิสนธิในพรหมโลก

อรรถว่า....กิเลสอันเปรียบเสมือนฝุ่นละออง, ธุลี ซึ่งสามารถปิดบังความใสสะอาดของสภาวะธรรม ไม่ให้สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงได้  ทำให้มีความเห็นผิด ยึดสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นตัวตน เป็นเรา....
เมื่อจิตยึดความความคิดเห็นผิดเช่นนี้  ก็ยากที่จะเข้าถึงพระธรรมได้

...........................................................................................................................................