Translate

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระคาถามหากรุณาธารณีสูตร (ตอนที่ ๒๗)



ปางที่ ๘๒
มันตอลา

ปางที่ ๘๒

ภาคนิรมาณกาย.....พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์  บรรยายเรื่องลิ้นที่ไม่ลิ้มรส  แสดงอาการชูหัตถ์ทั้ง ๘  เพื่อเป็นอุบายให้ละลิ้นในการลิ้มรส

คำแปล....."มันตอลา"  แปลว่า  ธรรมมณฑลที่หมายถึงผู้ปฏิบัติต้องปล่อย ละประสาทสัมผัสแห่งลิ้น  เพื่อเข้าสู่ความบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติดั้งเดิมของสภาวะ  รู้ถึงการปลอมแปลงหลอกลวงของรสสัมผัส  แล้วเข้าถึงสภาวะของตนว่ามีความเป็นสูญ

.....................................................................................................................................

ปางที่ ๘๓
ปัดถ่อเย


ปางที่ ๘๓
ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์ปางถือบาตร  บรรยายถึงการโลภในการสัมผัส สอนให้สรรพสัตว์ละการสัมผัส

คำแปล....."ปัดถ่อเย"   แปลว่า  ความต้องใจ และอีกนัยหนึ่งหมายถึงขันธ์ ๕ เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง

อรรถว่า.....เป็นความกรุณาของพระโพธิสัตว์ที่ชี้ให้เห็นโทษของความเห็นผิด (ความหลง)  ร่างกายนี้เป็นเพียงภาพลวงตาอันเกิดจากธาตุ ๔ ขันธ์ ๕  มาประกอบกัน  จึงไม่ควรยึดถือ  ถ้าละความยึดถือในธาตุและขันธ์ได้เมื่อใด  จิตก็พ้นจากความทุกข์ สามารถเข้าถึงธรรมได้ตามความเป็นจริง

.......................................................................................................................................

ปางที่ ๘๔
ซอผ่อฮอ

ปางที่ ๘๔

ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์ถือธวัชยาว (บรรยายแยกแยะธรรมลักษณะต่าง ๆ  ให้รู้ว่าจิตสัมผัส (สัมผัสทางใจ)  และธรรมภายนอกเป็นสิ่งแปลกปลอมหลอกลวง)

คำแปล....."ซอผ่อฮอ" แปลว่า   จบโดยบริบูรณ์

อรรถว่า.....เป็นพระคาถาที่สอนให้เรารู้ว่า   ต้องกำหนดจิตอยู่กับธรรมตลอดเวลา  ผู้ปฏิบัติต้องทำตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ให้สะอาดตลอดเวลา ถึงจะสามารถข้ามห้วงแห่งโอฆะนี้ได้โดยปลอดภัย

พระพุทธองค์ตรัสว่า  จงเว้นจากการทำบาป  เร่งบำเพ็ญสรรพกุศล  ชำระจิตของตนให้สะอาดหมดจด  นี้พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

             ธรรมทั้งหลายสำเร็จได้ด้วยอาศัยใจเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ !

             

            แหล่งที่มาของบทความ :  หนังสือ 108  เทพแห่งสรวงสวรรค์  ฉบับ กวนอิมโพธิสัตต์


.......................................................................................................................................














วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระคาถามหากรุณาธารณีสู (ตอนที่ ๒๖)


ปางที่ ๗๙
ซอพันลาเย


ปางที่ ๗๙

ภาคนิรมาณกาย.....ดอกบัวพันกลีบ  (เพื่อเป็นอุบายให้สัตว์โลกละประสาทรูปและรูปอันเป็นอารมณ์ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยแห่งความหลงผิด  ให้พิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏขณะนี้เดี๋ยวนี้)

คำแปล....."ซอพันลาเย"   แปลว่า  ผู้ปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตใจให้คลายจากกิเลสจนหมดทุกข์ได้นั้น  จะต้องละความเห็นผิดก่อน ละประสาททางตา สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตาขณะนี้ตามความเป็นจริง

อรรถว่า.....การปฏิบัติธรรม คือ  สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตาขณะนี้ตามความเป็นจริง
ปัญญารู้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งที่ปรากฏขณะนี้ทางตาไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดเพราะมีเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว

........................................................................................................................................

ปางที่  ๘๐
ซอผ่อฮอ



ปางที่ ๘๐

ภาคนิรมาณกาย....พระโพธิสัตว์ได้วิพากษ์ถึงพิษภัยแห่งเสียงที่มากระทบหู   ทอดแขนลงเบื้องล่าง  (แสดงให้เหล่าสัตว์ละประสาทสัมผัสทางหู  และเสียงอันไม่พึงปรารถนา)  ให้รับฟังแต่เสียงทิพย์แห่งความสูญของสภาวะแห่งตน)

คำแปล....."ซอผ่อฮอ"    แปลว่า   เป็นพระคาถาต่อเนื่องจากประโยคก่อน  หมายถึงว่า แม้จะละประสาทสัมผัสทางตาแล้ว หูก็เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง  จำเป็นต้องละด้วยสติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางหูขณะนี้ตามความเป็นจริง

อรรถว่า.....หากประสาทสัมผัสทางหูไม่บริสุทธิ์ ก็ยากที่จะได้รับกระแสแห่งธรรมและบรรลุถึงองค์มรรค
สติระลึกสภาพธรรมที่ปรากฏทางหูอยู่เนื่อง ๆ  จิตมีสมาธิตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบ  การปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตให้สะอาด คือ สติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางหูขณะนี้  ปัญญารู้ตามความเป็นจริงของธาตุ ๔ ขันธ์ ๕  ที่กำลังปรากฏ ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา

.........................................................................................................................................


ปางที่  ๘๑
งั้น สิดตินตู



ปางที่ ๘๑

ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์  ชูนิ้วมือขึ้นทั้งหมด  (เพื่อให้สรรพสัตว์เห็นความปลอมแปลงในการดมกลิ่นของประสาทสัมผัสทางจมูก)

คำแปล....."งัน "    แปลว่า  การนำให้เกิด  เป็นปฐมบทแห่งธารณี

                "สิดตินตู"   แปลว่า   ความสำเร็จของธาตุแห่งตน เป็นศูนย์รวมแห่งการปฏิบัติธรรม

อรรถว่า.....ธารณีประโยคนี้ เมื่อรวมกับ ๒ ประโยคก่อน  หมายถึง  การปฏิบัติธรรมนั้น  จะต้องมีจิตที่สงบจากอกุศล  จึงจะเป็นความสงบที่ตั้งหมั่น  มีลมหายใจสม่ำเสมอ  สติระลึกรู้ความหยาบและความละเอียดมากน้อยของลมหายใจ  จนกระทั่งเมื่อสติมีกำลังมากสามารถระลึกรู้ได้ว่า  ลมหายใจละเอียดมากเหมือนกับว่า ไม่มีลมหายใจอยู่

........................................................................................................................................