พระโพธิสัตว์กวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ ในพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน
ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดียและได้ผสมผสานกับความเชื่อของชนพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือ ตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน เป็นเหตุให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนโยนและมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาอย่างเด่นชัด ดุจเช่นดังความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ในสัทธรรมปุณฑริกสูตรได้อธิบายไว้ว่า พระอวโลกิเตศวรทรงสามารถนิรมานกายแบ่งเป็นปางต่าง ๆ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้ทั้งภาคบุรุษและภาคสตรี ความเลื่อมใสศรัทธาในพระโพธิสัตว์กวนอิมได้แพร่ไปยังหลายประเทศ เช่น ธิเบต จีนและญี่ปุ่น ลักษณะองค์ของท่านก็จะมีการสร้างขึ้นให้ผสมผสานให้กลมกลืนกับเทพในท้องถิ่นนั้น ๆ
พระโพธิสัตว์กวนอิม (ตำนานจีน)
พระโพธิสัตว์กวนอิม ประสูติ 19 เดือนยี่จีน ชาติสุดท้ายเป็น พระธิดานาม "เมี่ยวซ่าน" เดิมเป็นเทพธิดา ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อที่จะมาช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ให้แก่สรรพสัตว์ เป็นพระธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์นามว่า "เมี่ยวจวง" พระองค์มีพระธิดาทั้งหมด 3 องค์ ชื่อ เมี่ยวอิม เมี่ยวหยวน เมี่ยวซ่าน พระธิดาเมี่ยวซ่านนั้นในเยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง มีจิตแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อความหลุดพ้นจากสังสารวัฎ ได้ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระบิดาไม่ทรงเห็นด้วยที่พระธิดาเมี่ยวซ่านออกบวช พระองค์ต้องการจะให้มีคู่ครอง เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยในเรื่องทางโลกธรรมเลย แม้ว่าจะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านก็มิได้มีความโกรธเคืองพระบิดาแม้แต่อย่างใด
ในกาลต่อมา เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ถูกทำโทษ ถูกขับให้ทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อที่ว่า การทรมานมาก ๆ จะทำให้เจ้าหญิงเปลี่ยนความตั้งใจ แต่เจ้าหญิงก็มิได้มีความลำบากแม้แต่น้อย เพราะเหตุว่าได้มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำงานแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเห็นว่าไม่ได้ผลดั่งใจ จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่ท่านก็มีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่าง ๆ เหล่าเทพารักษ์ก็ได้มาช่วยทำงานแทนอีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก จึงยิ่ง
ทรงกริ้มหนักขึ้น จึงสั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านองค์เดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้
พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบเรื่องดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวพระธิดาเมี่ยวซ่านไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าอยู่ ได้เนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว ทำให้คมดาบของนายทหารไม่อาจระคายพระวรกายได้ ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพร่ที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้น ปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่ง ได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลัง แล้วเผ่นหนึไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป่ได้แปลงกายเป็นชายชรา มาโปรดเจ้าหญิงและชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเพื่อความดับทุกข์ จนเจ้าหญิงสามารถบรรลุมรรคผล ทรงบรรลุธรรม เมื่อวันที่ 19 เดือน 6
ด้านฝ่ายพระบิดาได้เข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจที่จะตามราวีอีกต่อไป ในกาลต่อมาไม่นานนัก บาปกรรมที่พระเจ้าเมี่ยวจวงได้ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ พระองค์มิได้ถือโทษโกรธในการกระทำของพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงสละดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหาริย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ภายหลังเทพไท่ไป่ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ให้ ด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิม จึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน
นะโม กวนซีอิม ผ่อสัก
.....................................................