พิธีการกินเจ (เก๊าอ๊วงเจ)เดือน ๙
เทศกาลกินเจเดือนเก้าของจีน ตามปฏิทินจีนทุกปี จะมีกำหนดกินเจ ๙ วัน จุดประสงค์เพื่อเป็นการ
สัการะบูชา พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ และพระโพธิสัตว์ ๒ พระองค์ รวมเป็น ๙ พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งว่าเป็นการบูชา "ดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ ดวง" คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวพระอังคาร ดาวพระพฤหัสบดี ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ พระราหูและพระเกตุ พิธีกินเจหรือเก้าอ๊วงเจนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำ จนถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามปฏิทินจีน รวมเป็นเวลา ๙ วัน ๙ คืน
พิธีกินเจหรือบูชาพระพุทธเจ้าาและพระโพธิสัตว์ รวม ๙ พระองค์นี้ เป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อชำระกิเลสตัณหา ด้วยการสมาทานศีล ๕ งดบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งสิ้น เป็นการเมตตาต่อสัตว์ ลดปริมาณการสูญเสียชีวิตสัตว์น้อยลง รับประทานแต่ผักและผลไม้เท่านั้น (มังสะวิรัติ) มีการแจกทานแก่ผู้อื่น ที่มีความทุกข์ยาก งดเว้นการกระทำอันเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งปวง การกินเจนี้ผู้มีความศรัทธาที่จะปฏิบัติบูชา จะไปปฏิบัติที่ที่วัด, ที่โรงเจหรือจะปฏิบัติอยูที่บ้านก็ได้ ตามแต่จะสะดวก
วิธีปฏิบัติถือศีลกินเจ ในเทศกาลกินเจเดือน ๙, ๙ วัน
๑.ผู้ปฏิบัติควรนุ่งขาวห่มขาว
๒.สวดมนต์บูชาพระรันตรัย
๓.สมาทานศีล ๕
๔.เจริญสมาธิเพื่อสงบจากอกุศลทั้งปวง
๕.งดเว้นจากการเสพกามในระหว่างกินเจ ๙ วัน
๖.เจริญเบญจธรรม ได้แก่
- มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
- สัมมาอาชีวะ ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความสุจริต ไม่ผิดกฏหมายและศีลธรรม
- ยินดีในคู่ครองของตน ไม่คิดนอกใจคู่ครองของตน ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
- สัมมาวาจา พูดในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ไม่พูดเพ้อเจ้อ
- สัมมาสติ ระลึกได้ในสิ่งที่กระทำ ในคำที่ตนพูดเสมอ
การลอยกระทงในเทศกาลกินเจเดือนเก้า จุดประสงค์เพื่อเป็นการทำทาน ให้แก่วิญญาณทั้งหลาย เป็นการทำบุญแจกทานให้ไหลไปตามกระแสน้ำ อานิสงส์ของผู้ทำบุญทำทาน ในครั้งนี้ก็คือ ชีวิตจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ และมีความร่มเย็นเป็นสุขเหมือนน้ำ สิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ก็จะไหลไปตามกระแสน้ำจนหมดสิ้น ผู้ทำทานได้บำเพ็ญทานบารมีให้แก่กล้ามากขึ้น อันเป็นการสะสมอุปนิสัยปัจจัยสืบต่อไปในภพหน้า และเป็นการลดละกิเลสให้เบาบาง ไม่ยึดติดแน่นในสิ่งของที่ตนมี
การทำกระทงเทศกาลกินเจ ใช้กระดาษหรือใบตองมาประดิษฐ์เป็นกระทงรูปต่าง ๆ สวยงาม ในกระทงมีดอกไม้ ธูปเทียน ปัจจัย (บางคนก็ใสผลไม้ไปด้วย) ถ้าลอยกระทงที่โรงเจหรือที่วัด ก็จะมีพระสงฆ์ทำพิธีสวดมนต์ แล้วกล่าวอัญเชิญเทพเทวดา ให้ลงมาเป็นพยาน ในการทำพิธีลอยกระทง และร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย พระสงฆ์ก็จะประกาศให้หมู่สัมพเวสี เปรต อสุรกาย และหมู่มารทั้งหลายให้รับทราบ เพื่อที่จะได้มาร่วมอนุโมทนาบุญ และรับเครื่องสังเวยและแจกทานในวันรุ่งขึ้น การแจกทานนี้เรียกว่า "พิธีทิ้งกระจาด"
พิธีส่งเทพเจ้า ในตอนเช้าวันสุดท้าย ของเทศกาลกินเจเดือนเก้า คือวัน ๑๐ ค่ำ พระสงฆ์จะทำพิธีสวดมนต์ แล้วดับตะเกียงดวงที่ ๙ จากนั้นผู้กินเจ ก็จะแห่โต๊ะบูชาและกระถางธูปไปยังแม่น้ำ เทขี้ธูปลงในแม่น้ำ แล้วมีการเผาเครื่องนุ่งห่มสมมติ ที่ทำจากกระดาษ เพื่ออุทิศให้แก่เทพเทวดาทั้งหลาย ที่ได้อัญเชิญมาตั้งแต่ วันพิธีกินเจวันแรก ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธีเทศกาลกินเจ
Translate
วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554
พระแม่สอนกรรมฐาน
เมื่อปลายปี ค.ศ.1998 ฉันได้ไปเปิดสอนการฝึกลมปราณสมาธิให้กับเพื่อนชาวไทยกลุ่มแม่บ้านที่เมืองลาชดฟง (La Chaux-de-Fonds) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโลซานน์ (Lausanne) มากนัก ที่เมืองนั้นมีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพราะเหตุว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่พวกเขายังห่างไกลวัดไทยมาก ไม่เหมือนปัจจุบันนี้ได้มีวัดไทย (วัดพุทธวิหารเอชาลองส์)อยูที่เมืองโลซานน์
ฉันได้ไปให้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกจิตให้สงบและมีพลังเพื่อพัฒนาชีวิต ได้มีคนให้ความสนใจ, มาเข้าร่วมฝึกเป็นครั้งแรกสิบกว่าคน ต่างคนก็เตรียมอาหาร ผ้าห่มและหมอน เพื่อมาเข้ากรรมฐานกัน เป็นวันที่พวกเรามีความสุขมากที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เราใช้บ้านของคุณอรุณ ซันทุคซี (รองประธาน) เป็นสถานที่ฝึก หลังจากได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณห้าทุ่มตรงเราได้เริ่มสวดมนต์พร้อมกันก่อน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องดำเนินรายการแต่เพียงผู้เดียว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันสอนการฝึกลมปราณสมาธิให้แก่ผู้อื่น ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสืออยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้สอนกรรมฐาน คืนนั้นฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่าจะมีรายการพิเศษอะไรเกิดขึ้นบ้าง คนที่มาฝึกสมาธิในคืนนั้น เป็นกลุ่มผู้มีศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้าในการนับถือและบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมเช่นเดียวกับฉัน
ในคืนนั้นพวกเราก็ได้ประสบกับเหตุุการตื่นเต้นระทึกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่่อน ในขณะที่ฉันกำลังทำหน้าที่กัลยาณมิตร ฉันรู้สึกว่าได้สัมผัสกับพลังเย็นวูบ ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวฉัน ถ้าถามว่ากลัวมั้ย ขอตอบตรง ๆ ว่า "กลัวนิด ๆ" การสอนดำเนินไปได้อย่างไม่มีการติดขัด แต่มีความแปลกใจว่า ทำไมคนฟังเขานั่งฟังด้วยความสงบจัง และก็จ้องมองที่หน้าเราตลอด ฉันก็บรรยายตามที่ได้เตรียมไป เสียงที่บรรยายก็น่าฟังมากจนสามีฉันซึ่งไปด้วย (เขานั่งคุยกับเจ้าของบ้านอยู่) ได้ยินเสียงฉันบรรยายธรรม เขาบอกว่า "ไม่น่าเชื่อเธอบรรยายเก่งมากและเสียงเพราะด้วย" ฉันทราบด้วยจิตว่าต้องเป็นพลังทิพย์จากพระแม่กวนอิมแน่นอน เพราะก่อนที่จะเริ่มการสวดมนต์ฉันได้อธิษฐานจิต ขอท่านมาช่วยสอนกรรมฐานให้กับพวกเราด้วย
ยังมีอีกค่ะ..ตอนตื่นเต้นจริง ๆ เวลาสองยามตรง เราเริ่มฝึกสมาธิ อยู่ ๆ ฉันก็พูดลอย ๆ ออกมาว่า "ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องกลัว" พอฉันพูดจบคำเท่านั้นแหละ ได้ยินเสียง "ตึ่ง"ดังมาก คุณอรุณเจ้าของบ้านล้มหงายหลังไปแล้วอย่างช่วยไม่ทันเลย สักครู่ลุกขึ้นแล้วคลานเข้ามากราบที่ตักฉันด้วยอาการสำรวมน่าดู ขณะนั้นฉันเองมีสติรู้กายรู้ใจตลอด จึงไม่กลัวและได้สั่งให้เพื่อนคนหนึ่งเอากระดาษและปากกามาเตรียมจด เพราะว่าเราจะมีการสัมภาษณ์วิญญาณกัน (ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ)
ฉันได้ไปให้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกจิตให้สงบและมีพลังเพื่อพัฒนาชีวิต ได้มีคนให้ความสนใจ, มาเข้าร่วมฝึกเป็นครั้งแรกสิบกว่าคน ต่างคนก็เตรียมอาหาร ผ้าห่มและหมอน เพื่อมาเข้ากรรมฐานกัน เป็นวันที่พวกเรามีความสุขมากที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เราใช้บ้านของคุณอรุณ ซันทุคซี (รองประธาน) เป็นสถานที่ฝึก หลังจากได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณห้าทุ่มตรงเราได้เริ่มสวดมนต์พร้อมกันก่อน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องดำเนินรายการแต่เพียงผู้เดียว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันสอนการฝึกลมปราณสมาธิให้แก่ผู้อื่น ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสืออยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้สอนกรรมฐาน คืนนั้นฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่าจะมีรายการพิเศษอะไรเกิดขึ้นบ้าง คนที่มาฝึกสมาธิในคืนนั้น เป็นกลุ่มผู้มีศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้าในการนับถือและบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมเช่นเดียวกับฉัน
ในคืนนั้นพวกเราก็ได้ประสบกับเหตุุการตื่นเต้นระทึกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่่อน ในขณะที่ฉันกำลังทำหน้าที่กัลยาณมิตร ฉันรู้สึกว่าได้สัมผัสกับพลังเย็นวูบ ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวฉัน ถ้าถามว่ากลัวมั้ย ขอตอบตรง ๆ ว่า "กลัวนิด ๆ" การสอนดำเนินไปได้อย่างไม่มีการติดขัด แต่มีความแปลกใจว่า ทำไมคนฟังเขานั่งฟังด้วยความสงบจัง และก็จ้องมองที่หน้าเราตลอด ฉันก็บรรยายตามที่ได้เตรียมไป เสียงที่บรรยายก็น่าฟังมากจนสามีฉันซึ่งไปด้วย (เขานั่งคุยกับเจ้าของบ้านอยู่) ได้ยินเสียงฉันบรรยายธรรม เขาบอกว่า "ไม่น่าเชื่อเธอบรรยายเก่งมากและเสียงเพราะด้วย" ฉันทราบด้วยจิตว่าต้องเป็นพลังทิพย์จากพระแม่กวนอิมแน่นอน เพราะก่อนที่จะเริ่มการสวดมนต์ฉันได้อธิษฐานจิต ขอท่านมาช่วยสอนกรรมฐานให้กับพวกเราด้วย
ยังมีอีกค่ะ..ตอนตื่นเต้นจริง ๆ เวลาสองยามตรง เราเริ่มฝึกสมาธิ อยู่ ๆ ฉันก็พูดลอย ๆ ออกมาว่า "ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องกลัว" พอฉันพูดจบคำเท่านั้นแหละ ได้ยินเสียง "ตึ่ง"ดังมาก คุณอรุณเจ้าของบ้านล้มหงายหลังไปแล้วอย่างช่วยไม่ทันเลย สักครู่ลุกขึ้นแล้วคลานเข้ามากราบที่ตักฉันด้วยอาการสำรวมน่าดู ขณะนั้นฉันเองมีสติรู้กายรู้ใจตลอด จึงไม่กลัวและได้สั่งให้เพื่อนคนหนึ่งเอากระดาษและปากกามาเตรียมจด เพราะว่าเราจะมีการสัมภาษณ์วิญญาณกัน (ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ)
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วิธีรักษาคนติดบุหรี่
กวนอิมปางอมฤตโพธิสัตว์ |
เรื่องวิธีการรักษาคนติดบุหรี่ เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เรื่องหนึ่ง พระแม่กวนอิมท่านได้เมตตาสรรพทั้งหลายโดยไม่มีขอบเขต ใครมาขอรับการโปรดจากท่าน ๆ ก็จะเมตตาาเสมอกันทั่วหน้า เรื่องมีอยู่ว่า ชาวสวิสสามคน มีชายสองคน ๆ หนึ่งมีภรรยามาด้วย พวกเขามาเรีียนภาษาไทยกับฉันทุกวันเสาร์ เพราะว่าชอบภาษาไทย ชอบอาหารไทยมาก ชอบคนไทย ชอบเมืองไทย ชอบหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับไทย พอเวลาพักเราก็จะมีการสนทนาเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย เกี่ยวกับประเพณีไทย อาหารและผลไม้ไทย ๆ และเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วย ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับคนต่างชาติ พอพูดเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนา ฉันก็ถือโอกาสแนะนำพวกเขาฝึกเจริญสมาธิ เริ่มขัั้นพื้นฐานก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่อง ทาน ศีล แล้วจึงตามด้วยการฝึกความสงบ ก็ได้อธิบายคร่าว ๆ ว่า ความสงบนี้หมายถึง "ความสงบจากการไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ ความสงบจากนิวรณ์ทั้ง ๕ ความสงบจากกิเลส" พวกเขาศรัทธาในพระธรรมมากถึงกับซื้อหนังสือมาศึกษารายละเอียดเอง นอกจากนั้นเขายังสนใจเรื่องฝึกพลังจิตด้วย ฉันจึงจัดเวลาพิเศษให้ หลังจากเรียนจบหลักสูตรภาษาไทยแล้ว จะมีการฝึกพลังจิตกัน เขาดีใจและตื่นเต้นมากที่จะได้เรียนสิ่งใหม่ ๆ
ในเช้าวันหนึ่งนักเรียนฝรั่งสามคน มาหาฉันแต่เช้ากว่าปกติ คงจะตื่นเต้นมากจึงรีบมาแต่เช้าก่อนเวลานัด เขาแต่งชุดขาวทั้งสามคนโดยที่ฉันไม่ได้สั่งเลย แถมด้วยดอกไม้สีม่วงสวยมากเลย คนละหนึ่งช่อมามอบให้ครู ฉันสอนได้ให้เขากราบพระ ๓ ครั้ง ทุกคนทำได้สวยงามและถูกต้อง สอนการไหว้ด้วย
จากนั้นก็มีการตรวจเช็คพลังในตัว ว่ามีพลังแฝงหรือไม่ ถ้ามีก็จะช่วยขจัดให้ โดยขอให้พระแม่กวนอิมท่านมาโปรด ฉันจะใช้วิธีเพ่งสายตาดูไปที่หน้าผากของแต่ละคน จิตสัมผัสผู้ใดผิดปกติก็จะเรียกผู้นั้นออกมาก่อน คนแรกที่ถูกเรียกออกมาตรวจพลัง ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคปวดศีรษะมาหลายปีแล้ว รักษาไม่หาย ฉันจึงกำหนดจิตขอพระแม่กวนอิมให้มาโปรด พระแม่ได้ใช้ฝ่ามือข้างขวา วางลงบนศีรษะเขา พร้อมกับสวดพระคาถาเบา ๆ สักครู่ชายคนนี้ก็รู้สึกร่างกายเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก พอเสร็จการรักษา เขาแปลกใจมาก ว่าอาการปวดศีรษะหายเป็นปลิดทิ้งได้อย่างไร พระแม่ท่านบอกฉันว่า ชายคนนี้มีวิญญาณแฝงอยู่่นานแล้วเป็นวิญญาณเร่ร่อน ส่วนรายที่สองก็เป็นชายนักสูบบุหรี่จัด จะว่าไปทั้งสามคนนี้สูบบุหรี่เก่งไม่แพ้กัน แต่รายนี้สูบมาตั้งแต่อายุสิบกว่าปี ปัจจุบันอายุ ๖๐ ปีกว่าแล้ว
ตอนที่ตรวจพลังแฝงให้เขา ฉันมีอาการไอมากไอแบบสำลักควันบุหรี่อย่างแรง พวกเขาเห็นฉันไอมาก ก็พากันตกใจและแปลกใจมาก พระแม่กวนอิมได้เสกน้ำให้เขาดื่มแก้วหนึ่ง เขาก็ยอมดื่มโดยดี พระแม่กวนอิมบอกฉันว่า ให้บอกเขาว่า "ต่อไปนี้เลิกสูบบุหรี่เด็ดขาดได้แล้ว ถ้าไม่เลิกต้องตายแน่ ๆ เพราะปอดดำหมดแล้ว เผาไหม้จะแย่แล้ว" ชายผู้นี้ตกลงรับปากทันที เขาบอกว่าเขาเชื่อว่าปอดของเขาแย่มากแล้ว เพราะเห็นฉันไอสำลักคันอย่างแรง ยังเหลืออีกคนสุดท้าย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวิญญาณแฝงเกาะ ร่างกายแข็งแรงดี แต่มีเรื่องไม่่สบายใจ ถามว่า "เป็นห่วงพ่อที่กำลังป่วยอยู่ที่บ้านใช่มั้ย" เธอตอบว่า"ใช่" ฉันก็บอกเขาว่า"ให้พยามทำความเข้าใจตามความเป็นจริงของขันธ์ห้า มันมีแต่ความเสื่อมความสกปรก มันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง ทุกคนหนีความแก่ เจ็บ ตาย ไม่พ้น มันเป็นเรื่องธรรมดา นี่แหละเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ทุกคนสนใจฟังอย่างสงบและเข้าใจที่ฉันพูด
หลังจากได้ตรวจพลังแฝงกันจนครบทุกคนแล้ว ต่อไปก็เป็นการฝึกลมปราณสมาธิเพื่อสุขภาพกายและจิต
ซึ่งฉันจะไม่เล่าไว้ในที่นี้ ถ้าใครอยากทราบก็ต้องไปอ่านในบทความเรื่อง"พลังจิต" ที่ www.khunmeaw.blogspot.com เป็นอันว่านักเรียนฝรั่งสามคนนี้ ก็ได้สัมผัสบารมีพระแม่กวนอิม เขาศรัทธามากทีเมตตาเขา นับตั้งแต่นั้นมา คนที่ติดบุหรี่มาก ๆ ก็เลิกสูบโดยเด็ดขาด คนที่ปวดศีรษะเป็นประจำก็หายได้เป็นปกติอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นมั้ยคะ..ว่าวิญญาณที่เร่ร่อนเขาแฝงอยู่ในร่างกายคนนาน ๆ จะทำให้เจ็บป่วยได้เหมือนกัน ถ้าเราสวดมนต์เจริญสมาธิอย่างสม่เสมอ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้สัมภเวสีบ่อย ๆ เราก็จะไม่มีพลังแฝงมารบกวนได้ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นะโม กวนซีอิม ผู่สัก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)