ปางที่ ๗๙
ซอพันลาเย
ปางที่ ๗๙ |
ภาคนิรมาณกาย.....ดอกบัวพันกลีบ (เพื่อเป็นอุบายให้สัตว์โลกละประสาทรูปและรูปอันเป็นอารมณ์ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยแห่งความหลงผิด ให้พิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏขณะนี้เดี๋ยวนี้)
คำแปล....."ซอพันลาเย" แปลว่า ผู้ปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตใจให้คลายจากกิเลสจนหมดทุกข์ได้นั้น จะต้องละความเห็นผิดก่อน ละประสาททางตา สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตาขณะนี้ตามความเป็นจริง
อรรถว่า.....การปฏิบัติธรรม คือ สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตาขณะนี้ตามความเป็นจริง
ปัญญารู้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งที่ปรากฏขณะนี้ทางตาไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดเพราะมีเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว
........................................................................................................................................
ปางที่ ๘๐
ซอผ่อฮอ
ปางที่ ๘๐ |
ภาคนิรมาณกาย....พระโพธิสัตว์ได้วิพากษ์ถึงพิษภัยแห่งเสียงที่มากระทบหู ทอดแขนลงเบื้องล่าง (แสดงให้เหล่าสัตว์ละประสาทสัมผัสทางหู และเสียงอันไม่พึงปรารถนา) ให้รับฟังแต่เสียงทิพย์แห่งความสูญของสภาวะแห่งตน)
คำแปล....."ซอผ่อฮอ" แปลว่า เป็นพระคาถาต่อเนื่องจากประโยคก่อน หมายถึงว่า แม้จะละประสาทสัมผัสทางตาแล้ว หูก็เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องละด้วยสติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางหูขณะนี้ตามความเป็นจริง
อรรถว่า.....หากประสาทสัมผัสทางหูไม่บริสุทธิ์ ก็ยากที่จะได้รับกระแสแห่งธรรมและบรรลุถึงองค์มรรค
สติระลึกสภาพธรรมที่ปรากฏทางหูอยู่เนื่อง ๆ จิตมีสมาธิตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบ การปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตให้สะอาด คือ สติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางหูขณะนี้ ปัญญารู้ตามความเป็นจริงของธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ที่กำลังปรากฏ ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา
.........................................................................................................................................
ปางที่ ๘๑
งั้น สิดตินตู
ปางที่ ๘๑ |
ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์ ชูนิ้วมือขึ้นทั้งหมด (เพื่อให้สรรพสัตว์เห็นความปลอมแปลงในการดมกลิ่นของประสาทสัมผัสทางจมูก)
คำแปล....."งัน " แปลว่า การนำให้เกิด เป็นปฐมบทแห่งธารณี
"สิดตินตู" แปลว่า ความสำเร็จของธาตุแห่งตน เป็นศูนย์รวมแห่งการปฏิบัติธรรม
อรรถว่า.....ธารณีประโยคนี้ เมื่อรวมกับ ๒ ประโยคก่อน หมายถึง การปฏิบัติธรรมนั้น จะต้องมีจิตที่สงบจากอกุศล จึงจะเป็นความสงบที่ตั้งหมั่น มีลมหายใจสม่ำเสมอ สติระลึกรู้ความหยาบและความละเอียดมากน้อยของลมหายใจ จนกระทั่งเมื่อสติมีกำลังมากสามารถระลึกรู้ได้ว่า ลมหายใจละเอียดมากเหมือนกับว่า ไม่มีลมหายใจอยู่
........................................................................................................................................