เมื่อปลายปี ค.ศ.1998 ฉันได้ไปเปิดสอนการฝึกลมปราณสมาธิให้กับเพื่อนชาวไทยกลุ่มแม่บ้านที่เมืองลาชดฟง (La Chaux-de-Fonds) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโลซานน์ (Lausanne) มากนัก ที่เมืองนั้นมีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพราะเหตุว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่พวกเขายังห่างไกลวัดไทยมาก ไม่เหมือนปัจจุบันนี้ได้มีวัดไทย (วัดพุทธวิหารเอชาลองส์)อยูที่เมืองโลซานน์
ฉันได้ไปให้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกจิตให้สงบและมีพลังเพื่อพัฒนาชีวิต ได้มีคนให้ความสนใจ, มาเข้าร่วมฝึกเป็นครั้งแรกสิบกว่าคน ต่างคนก็เตรียมอาหาร ผ้าห่มและหมอน เพื่อมาเข้ากรรมฐานกัน เป็นวันที่พวกเรามีความสุขมากที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เราใช้บ้านของคุณอรุณ ซันทุคซี (รองประธาน) เป็นสถานที่ฝึก หลังจากได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณห้าทุ่มตรงเราได้เริ่มสวดมนต์พร้อมกันก่อน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องดำเนินรายการแต่เพียงผู้เดียว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันสอนการฝึกลมปราณสมาธิให้แก่ผู้อื่น ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสืออยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้สอนกรรมฐาน คืนนั้นฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่าจะมีรายการพิเศษอะไรเกิดขึ้นบ้าง คนที่มาฝึกสมาธิในคืนนั้น เป็นกลุ่มผู้มีศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้าในการนับถือและบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมเช่นเดียวกับฉัน
ในคืนนั้นพวกเราก็ได้ประสบกับเหตุุการตื่นเต้นระทึกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่่อน ในขณะที่ฉันกำลังทำหน้าที่กัลยาณมิตร ฉันรู้สึกว่าได้สัมผัสกับพลังเย็นวูบ ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวฉัน ถ้าถามว่ากลัวมั้ย ขอตอบตรง ๆ ว่า "กลัวนิด ๆ" การสอนดำเนินไปได้อย่างไม่มีการติดขัด แต่มีความแปลกใจว่า ทำไมคนฟังเขานั่งฟังด้วยความสงบจัง และก็จ้องมองที่หน้าเราตลอด ฉันก็บรรยายตามที่ได้เตรียมไป เสียงที่บรรยายก็น่าฟังมากจนสามีฉันซึ่งไปด้วย (เขานั่งคุยกับเจ้าของบ้านอยู่) ได้ยินเสียงฉันบรรยายธรรม เขาบอกว่า "ไม่น่าเชื่อเธอบรรยายเก่งมากและเสียงเพราะด้วย" ฉันทราบด้วยจิตว่าต้องเป็นพลังทิพย์จากพระแม่กวนอิมแน่นอน เพราะก่อนที่จะเริ่มการสวดมนต์ฉันได้อธิษฐานจิต ขอท่านมาช่วยสอนกรรมฐานให้กับพวกเราด้วย
ยังมีอีกค่ะ..ตอนตื่นเต้นจริง ๆ เวลาสองยามตรง เราเริ่มฝึกสมาธิ อยู่ ๆ ฉันก็พูดลอย ๆ ออกมาว่า "ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องกลัว" พอฉันพูดจบคำเท่านั้นแหละ ได้ยินเสียง "ตึ่ง"ดังมาก คุณอรุณเจ้าของบ้านล้มหงายหลังไปแล้วอย่างช่วยไม่ทันเลย สักครู่ลุกขึ้นแล้วคลานเข้ามากราบที่ตักฉันด้วยอาการสำรวมน่าดู ขณะนั้นฉันเองมีสติรู้กายรู้ใจตลอด จึงไม่กลัวและได้สั่งให้เพื่อนคนหนึ่งเอากระดาษและปากกามาเตรียมจด เพราะว่าเราจะมีการสัมภาษณ์วิญญาณกัน (ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ)