สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
หวังว่าคงจะสบายดีนะคะ...ท่่านได้ติดตามอ่านเรื่องราวของเทพธิดาอารีย์ถึง ๒ ตอนแล้ว รู้สึกเป็นไงบ้างคะ น่าสนใจมั้ยคะ วันนี้ก็จะเป็นตอนสุดท้ายจ๊ะ.....เรื่องเทวดานางฟ้านี่ก็มีเล่าในพระสูตรมากมาย เป็นตัวอย่างอันดี สำหรับท่านที่ปรารถนาความสุขในภพหน้า....อยากจะเป็นเทวดานางฟ้า ก็ต้องเริ่มทำเหตุให้ตรงกับผลเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไปจ๊ะ คือต้องรู้จักคุณธรรมของเทวดาและนางฟ้า เขามีคุณธรรมอย่างไร ใช่ว่าจะนึกคิดโดยไม่รู้อีโน่อีเน่ เอะอะก็จะไปเป็นเทวดาหรือเป็นนางฟ้าได้ดั่งใจ....เทวดานางฟ้าที่จน ๆ ก็มีแยะ
และที่แย่ ๆ เป็นเทวดานางฟ้าที่พิการก็มี เพราะเหตุว่าปฏิสนธิจิตประกอบด้วยกุศลวิบาก (ผลของกุศลกรรม) ที่มีกำลังน้อย ผลของกุศลกรรมที่มีกำลังน้อยนี่ ก็จะนำไปเกิดบนสวรรค์ชั้นต้น ๆ คือชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นเทวดานางฟ้าที่ไม่สมประกอบ แถมยังมีรัศมีน้อยริบหรี่ มีทิพยสมบัติไม่มากหรูหรา และถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเป็นมนุษย์ที่พิกลพิการ บ้าใบ้ หูหนวก ตาบอด.....ท่านคงจะสงสัยนะคะว่า แล้วเทพธิดาอารีย์นี่เสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นไหนกัน
หลังจากที่พี่อารีย์ได้สิ้นชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ฉันไม่เคยได้ข่าวจากพี่อารีย์อีกเลย เพราะยังสื่อติดต่อกันไม่ได้ เธอคงจะกำลังเพลิดเพลินและเสวยสุขอยู่กับทิพยสมบัติบนสวรรค์อยู่ เลยยังไม่มีเวลาที่จะลงมาเยี่ยมญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงบ้างเลย หรือว่าเธออาจจะเคยมาหาแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เพราะไม่มีตาทิพย์หูทิพย์และสื่อติดต่อกันไม่ได้.....คุณอรุณน้องสาวของพี่อารีย์ มักจะถามฉันอยู่บ่อย ๆ ว่าพี่สาวของเธอมาที่สมาคมไทย-กวนอิม บ้างมั้ย เธอก็รอฟังข่าวอยู่เนื่อง ๆ จนกระทั่งในวันขึ้นปีใหม่ปี พ.ศ.๒๕๕๒ พี่อารีย์ได้มาที่สมาคม....เธอได้มาอวยพรปีใหม่ให้ฉันและครอบครัว....ตามปรกติที่สมาคม จะมีกิจกรรมพิเศษเสมอในวันสำคัญทางศาสนา และวันสำคัญทางสากลโลก จะมีครูบาอาจารย์และเทวดานางฟ้า มาสวดมนต์เป็นภาษาของโลกทิพย์ ซึ่งมีหลายภาษามาก แตกต่างกันไป ตามภพภูมิของสวรรค์แต่ละชั้น เสียงเทวดาสวดมนต์ร่ายเวทคาถาไพเราะน่าฟังมาก เขาจะพากันมาเป็นกลุ่ม ๆ เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีการแซงคิวเหมือนเมืองมนุษย์ ใครมาก่อนก็สวดก่อน จะมากันตั้งแต่ ๕ ทุ่ม จนถึงประมาณตี ๒ ก็จะพากันทยอยกลับ
เทพธิดาอารีย์มาคราวนี้พูดเสียงไพเราะมาก ได้มาร้องเพลงอวยพรให้ฟัง ขณะที่ได้ยินเสียงเพลงของนางฟ้าท่านสุดท้ายร้องเพลง ฉันนึกในใจว่าต้องเป็นนางฟ้ามาใหม่แน่ ๆ เลย....พอร้องจบเธอก็กล่าวขึ้นว่า "สวัสดีค่ะคุณแมว นี่เทพธิดาอารีย์ พวกเรามาร้องเพลงอวยพรปีใหม่ แด่คุณแมวและครอบครัว ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญตลอดปีเทอญ" ฉันตกใจพอทราบว่าเป็นเทพธิดาอารีย์ เพราะนึกไม่ถึงว่าเธอจะมาร้องเพลงให้ฟังด้วย จึงได้ถามเธอว่า "เทพธิดาอารีย์มาจากสวรรค์ชั้นไหนค่ะ มากันกี่ท่าน" เธอตอบว่า "เทพธิดาอารีย์มาจากชั้นยามา มาด้วยกัน ๕ ท่านค่ะ" ฉันก็ถามต่ออีกว่า "มีอะไรจะฝากบอกกับญาติพี่น้องมั้ยค่ะ" รู้สึกว่า เธอดีใจมากที่ฉันถามประโยคนี้ เธอรีบพูดทันทีว่า "เทพธิดาอารีย์ขอขอบพระคุณ คุณแมวและครอบครัวเป็นอย่างมาก ที่ช่วยเหลือและให้กำลังใจมาตลอด และอยากจะฝากคุณแมว ช่วยบอกกับอรุณด้วยว่า ขอบใจมาก ๆ ที่ได้ช่วยแนะนำให้สร้างบุญกุศลต่าง ๆ ในช่วงที่เจ็บป่วยหนัก ด้วยอานิสงส์ของกุศลกรรม ที่ได้กระทำก่อนตาย จึงทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นยามา ช่วยบอกแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ให้ห่วงตนเองเถิด สร้างบุญกุศลให้มาก ๆ รักษาศีล ทำบุญทำทาน หมั่นฟังธรรม สวดมนต์ภาวนาสม่ำเสมอ เพราะว่าสวรรค์และนรกมีจริง และขอความกรุณาคุณแมวช่วยบอกอรุณด้วย ให้ไปเตือนพี่เขยว่า เลิกอบายมุขได้แล้ว" เธอพูดซะยาวเหยียดเลย ฉันเองก็ฟังเพลินจนจะสับพะงก เพราะว่าเป็นเวลาดึกแล้ว เธอคงสังเกตเห็นท่าทางฉันง่วงแย่แล้ว จึงเอ่ยว่า "ขอขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่ะคุณแมว และฝากความรักความคิดถึง ๆ คุณแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนด้วยค่ะ...เทพธิดาอารีย์ขอลาก่อน สวัสดีค่ะ"
ในวันรุ่งขึ้นฉันก็ได้นำเรื่องทั้งหมด ที่เทพธิดาอารีย์ได้ขอร้อง บอกกล่าวให้คุณอรุณรับทราบ คุณอรุณดีใจและตื่นเต้นจนน้ำตาไหล คงจะปลิ้มกับอานิสงส์ของบุญ ที่พี่สาวได้เสวย ถึงแม้ว่าตอนช่วงปลายของชีวิต จะมีเวลาในการทำบุญทำทานสั้นมาก แต่ก็มีผลมากเกินคาดทีเดียว.....ช่วงตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงดี ก็มีภาระกิจทางโลกมาก จนไม่ค่อยได้ทำบุญได้เต็มที่ เหมือนตอนที่ป่วยหนัก แต่ก็โชคดีที่มีน้องสาวเป็นกัลยามิตร คอยแนะนำเกื้อกูลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต.....คุณอรุณได้นำเรื่องที่ให้ไปเตือนพี่เขยว่า "ให้เลิกอบายมุข" พี่เขยของเธอก็ไม่ทราบว่า "อบายมุขคืออะไร" เธอก็เลยย้อนพี่เขยว่า "คนชั้นปัญญาชนแล้ว น่าจะรู้ว่าอบายมุขคืออะไร" พี่เขยของเธอไม่เคยมีเวลา เพื่อที่จะศึกษาธรรมะ หรือว่าไม่สนใจ ก็เลยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอบายมุข....แล้วจะมาเอาอะไรกับเธอคนมีความรู้น้อย..... เป็นอันว่าทั้งสองคนก็ไม่รู้ว่า "อบายมุขคืออะไร" ฉันก็จะขอแทรกไว้ตรงนี้ซะเลย เผื่อท่านผู้อ่านบ้างท่านยังไม่รู้ ก็จะได้รู้ แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง เพื่อความเจริญไพบูลย์แห่งชีวิต และโภคทรัพย์ของท่านและครอบครัว...อบายมุข ๖ หมายถึงช่องทางแห่งความเสื่อมความพินาศย่อยยัยแห่งโภคทรัพย์ ได้แก่ ๑.ติดสุรา ๒.ชอบเที่ยวกลางคืน ๓.ชอบดูการละเล่น ๔.ติดการพนัน ๕.คบคนชั่วเป็นมิตร ๖. เกียจคร้านการทำงาน
หลังจากนั้นมาเป็นเวลาประมาณ ๖ เดือน อดีตสามีของพี่อารีย์หรือเทพธิดาอารีย์ ก็ได้ประสบกับอกุศลวิบากกรรมอย่างหนัก เพราะเหตุว่าไม่รู้จักอบายมุขคืออะไร ก็เลยโดนอบายมุขสั่งสอนเข้าให้ เขาบอกว่า ถ้าเขารู้ว่าอบายมุขคืออะไร เขาก็คงจะไม่ต้องมาเจอกับโรค "มะเร็งปอด" เช่นนี้....นี่แหละผลของการใช้ชีวิตแบบไม่มีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มครอง....ทุกวันนี้พี่เขยของคุณอรุณ ก็ต้องไปรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นระยะ ๆ เขาว่าไม่ถึงขั้นร้ายแรงนัก ยังพอมีโอกาสหายได้ เพราะว่าเขาได้เลิกสูบบุหรี่ทันที ที่ได้ทราบผลการตรวจปอดว่าเป็น "มะเร็ง" นี่ถ้าเขาไม่รู้เรื่องของอบายมุขเลย แต่เชื่อคำเตือนของเทพธิดาอารีย์อดีตภรรยาที่รักของเขา.... เขาก็คงจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกายและใจมาก เหมือนทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ท่านผู้อ่านค่ะ....อ่านจบแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง....สังเกตเห็นสภาวะจิตของตนเองมั้ยคะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ารู้สึกเศร้าก็เป็นอกุศลจิต ถ้าเฉย ๆ ก็เป็นโมหจิต คือหลงลืมสติ ถ้าสติระลึกรู้ตามความเป็นจริงของจิตขณะนั้น ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่ปรากฏ เพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด แล้วก็ดับไป ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา อาการเช่นนี้ เรียกว่าเป็นผู้มี "สติคุ้มครองกายและใจ"....อย่าลืมนะคะ หมั่นสร้างกุศลกรรม และละเว้นอบายมุข....ท่านก็จะมีความสุข ทั้งในภพนี้และภพหน้าจ๊ะ....รอคอยติดตามฟังข่าวใหม่จากเทพธิดาอารีย์ต่อไปอีกนะคะ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่ง เธอคงจะมีเรื่องบนสวรรค์ มาเล่าให้พวกเราฟังกัน...สำหรับบทความนี้ก็จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว.....วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบ ๓ ปี แห่งวันสิ้นภพชาติการเป็นมนุษย์ของพี่อารีย์....ขอให้เทพธิดาอารีย์ จงเจริญในบารมีธรรมและมีความสุขยิ่ง ๆ เทอญ.....สวัสดีค่ะ
หวังว่าคงจะสบายดีนะคะ...ท่่านได้ติดตามอ่านเรื่องราวของเทพธิดาอารีย์ถึง ๒ ตอนแล้ว รู้สึกเป็นไงบ้างคะ น่าสนใจมั้ยคะ วันนี้ก็จะเป็นตอนสุดท้ายจ๊ะ.....เรื่องเทวดานางฟ้านี่ก็มีเล่าในพระสูตรมากมาย เป็นตัวอย่างอันดี สำหรับท่านที่ปรารถนาความสุขในภพหน้า....อยากจะเป็นเทวดานางฟ้า ก็ต้องเริ่มทำเหตุให้ตรงกับผลเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไปจ๊ะ คือต้องรู้จักคุณธรรมของเทวดาและนางฟ้า เขามีคุณธรรมอย่างไร ใช่ว่าจะนึกคิดโดยไม่รู้อีโน่อีเน่ เอะอะก็จะไปเป็นเทวดาหรือเป็นนางฟ้าได้ดั่งใจ....เทวดานางฟ้าที่จน ๆ ก็มีแยะ
และที่แย่ ๆ เป็นเทวดานางฟ้าที่พิการก็มี เพราะเหตุว่าปฏิสนธิจิตประกอบด้วยกุศลวิบาก (ผลของกุศลกรรม) ที่มีกำลังน้อย ผลของกุศลกรรมที่มีกำลังน้อยนี่ ก็จะนำไปเกิดบนสวรรค์ชั้นต้น ๆ คือชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นเทวดานางฟ้าที่ไม่สมประกอบ แถมยังมีรัศมีน้อยริบหรี่ มีทิพยสมบัติไม่มากหรูหรา และถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเป็นมนุษย์ที่พิกลพิการ บ้าใบ้ หูหนวก ตาบอด.....ท่านคงจะสงสัยนะคะว่า แล้วเทพธิดาอารีย์นี่เสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นไหนกัน
หลังจากที่พี่อารีย์ได้สิ้นชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ฉันไม่เคยได้ข่าวจากพี่อารีย์อีกเลย เพราะยังสื่อติดต่อกันไม่ได้ เธอคงจะกำลังเพลิดเพลินและเสวยสุขอยู่กับทิพยสมบัติบนสวรรค์อยู่ เลยยังไม่มีเวลาที่จะลงมาเยี่ยมญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงบ้างเลย หรือว่าเธออาจจะเคยมาหาแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เพราะไม่มีตาทิพย์หูทิพย์และสื่อติดต่อกันไม่ได้.....คุณอรุณน้องสาวของพี่อารีย์ มักจะถามฉันอยู่บ่อย ๆ ว่าพี่สาวของเธอมาที่สมาคมไทย-กวนอิม บ้างมั้ย เธอก็รอฟังข่าวอยู่เนื่อง ๆ จนกระทั่งในวันขึ้นปีใหม่ปี พ.ศ.๒๕๕๒ พี่อารีย์ได้มาที่สมาคม....เธอได้มาอวยพรปีใหม่ให้ฉันและครอบครัว....ตามปรกติที่สมาคม จะมีกิจกรรมพิเศษเสมอในวันสำคัญทางศาสนา และวันสำคัญทางสากลโลก จะมีครูบาอาจารย์และเทวดานางฟ้า มาสวดมนต์เป็นภาษาของโลกทิพย์ ซึ่งมีหลายภาษามาก แตกต่างกันไป ตามภพภูมิของสวรรค์แต่ละชั้น เสียงเทวดาสวดมนต์ร่ายเวทคาถาไพเราะน่าฟังมาก เขาจะพากันมาเป็นกลุ่ม ๆ เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีการแซงคิวเหมือนเมืองมนุษย์ ใครมาก่อนก็สวดก่อน จะมากันตั้งแต่ ๕ ทุ่ม จนถึงประมาณตี ๒ ก็จะพากันทยอยกลับ
เทพธิดาอารีย์มาคราวนี้พูดเสียงไพเราะมาก ได้มาร้องเพลงอวยพรให้ฟัง ขณะที่ได้ยินเสียงเพลงของนางฟ้าท่านสุดท้ายร้องเพลง ฉันนึกในใจว่าต้องเป็นนางฟ้ามาใหม่แน่ ๆ เลย....พอร้องจบเธอก็กล่าวขึ้นว่า "สวัสดีค่ะคุณแมว นี่เทพธิดาอารีย์ พวกเรามาร้องเพลงอวยพรปีใหม่ แด่คุณแมวและครอบครัว ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญตลอดปีเทอญ" ฉันตกใจพอทราบว่าเป็นเทพธิดาอารีย์ เพราะนึกไม่ถึงว่าเธอจะมาร้องเพลงให้ฟังด้วย จึงได้ถามเธอว่า "เทพธิดาอารีย์มาจากสวรรค์ชั้นไหนค่ะ มากันกี่ท่าน" เธอตอบว่า "เทพธิดาอารีย์มาจากชั้นยามา มาด้วยกัน ๕ ท่านค่ะ" ฉันก็ถามต่ออีกว่า "มีอะไรจะฝากบอกกับญาติพี่น้องมั้ยค่ะ" รู้สึกว่า เธอดีใจมากที่ฉันถามประโยคนี้ เธอรีบพูดทันทีว่า "เทพธิดาอารีย์ขอขอบพระคุณ คุณแมวและครอบครัวเป็นอย่างมาก ที่ช่วยเหลือและให้กำลังใจมาตลอด และอยากจะฝากคุณแมว ช่วยบอกกับอรุณด้วยว่า ขอบใจมาก ๆ ที่ได้ช่วยแนะนำให้สร้างบุญกุศลต่าง ๆ ในช่วงที่เจ็บป่วยหนัก ด้วยอานิสงส์ของกุศลกรรม ที่ได้กระทำก่อนตาย จึงทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นยามา ช่วยบอกแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ให้ห่วงตนเองเถิด สร้างบุญกุศลให้มาก ๆ รักษาศีล ทำบุญทำทาน หมั่นฟังธรรม สวดมนต์ภาวนาสม่ำเสมอ เพราะว่าสวรรค์และนรกมีจริง และขอความกรุณาคุณแมวช่วยบอกอรุณด้วย ให้ไปเตือนพี่เขยว่า เลิกอบายมุขได้แล้ว" เธอพูดซะยาวเหยียดเลย ฉันเองก็ฟังเพลินจนจะสับพะงก เพราะว่าเป็นเวลาดึกแล้ว เธอคงสังเกตเห็นท่าทางฉันง่วงแย่แล้ว จึงเอ่ยว่า "ขอขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่ะคุณแมว และฝากความรักความคิดถึง ๆ คุณแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนด้วยค่ะ...เทพธิดาอารีย์ขอลาก่อน สวัสดีค่ะ"
ในวันรุ่งขึ้นฉันก็ได้นำเรื่องทั้งหมด ที่เทพธิดาอารีย์ได้ขอร้อง บอกกล่าวให้คุณอรุณรับทราบ คุณอรุณดีใจและตื่นเต้นจนน้ำตาไหล คงจะปลิ้มกับอานิสงส์ของบุญ ที่พี่สาวได้เสวย ถึงแม้ว่าตอนช่วงปลายของชีวิต จะมีเวลาในการทำบุญทำทานสั้นมาก แต่ก็มีผลมากเกินคาดทีเดียว.....ช่วงตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงดี ก็มีภาระกิจทางโลกมาก จนไม่ค่อยได้ทำบุญได้เต็มที่ เหมือนตอนที่ป่วยหนัก แต่ก็โชคดีที่มีน้องสาวเป็นกัลยามิตร คอยแนะนำเกื้อกูลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต.....คุณอรุณได้นำเรื่องที่ให้ไปเตือนพี่เขยว่า "ให้เลิกอบายมุข" พี่เขยของเธอก็ไม่ทราบว่า "อบายมุขคืออะไร" เธอก็เลยย้อนพี่เขยว่า "คนชั้นปัญญาชนแล้ว น่าจะรู้ว่าอบายมุขคืออะไร" พี่เขยของเธอไม่เคยมีเวลา เพื่อที่จะศึกษาธรรมะ หรือว่าไม่สนใจ ก็เลยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอบายมุข....แล้วจะมาเอาอะไรกับเธอคนมีความรู้น้อย..... เป็นอันว่าทั้งสองคนก็ไม่รู้ว่า "อบายมุขคืออะไร" ฉันก็จะขอแทรกไว้ตรงนี้ซะเลย เผื่อท่านผู้อ่านบ้างท่านยังไม่รู้ ก็จะได้รู้ แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง เพื่อความเจริญไพบูลย์แห่งชีวิต และโภคทรัพย์ของท่านและครอบครัว...อบายมุข ๖ หมายถึงช่องทางแห่งความเสื่อมความพินาศย่อยยัยแห่งโภคทรัพย์ ได้แก่ ๑.ติดสุรา ๒.ชอบเที่ยวกลางคืน ๓.ชอบดูการละเล่น ๔.ติดการพนัน ๕.คบคนชั่วเป็นมิตร ๖. เกียจคร้านการทำงาน
หลังจากนั้นมาเป็นเวลาประมาณ ๖ เดือน อดีตสามีของพี่อารีย์หรือเทพธิดาอารีย์ ก็ได้ประสบกับอกุศลวิบากกรรมอย่างหนัก เพราะเหตุว่าไม่รู้จักอบายมุขคืออะไร ก็เลยโดนอบายมุขสั่งสอนเข้าให้ เขาบอกว่า ถ้าเขารู้ว่าอบายมุขคืออะไร เขาก็คงจะไม่ต้องมาเจอกับโรค "มะเร็งปอด" เช่นนี้....นี่แหละผลของการใช้ชีวิตแบบไม่มีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มครอง....ทุกวันนี้พี่เขยของคุณอรุณ ก็ต้องไปรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นระยะ ๆ เขาว่าไม่ถึงขั้นร้ายแรงนัก ยังพอมีโอกาสหายได้ เพราะว่าเขาได้เลิกสูบบุหรี่ทันที ที่ได้ทราบผลการตรวจปอดว่าเป็น "มะเร็ง" นี่ถ้าเขาไม่รู้เรื่องของอบายมุขเลย แต่เชื่อคำเตือนของเทพธิดาอารีย์อดีตภรรยาที่รักของเขา.... เขาก็คงจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกายและใจมาก เหมือนทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ท่านผู้อ่านค่ะ....อ่านจบแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง....สังเกตเห็นสภาวะจิตของตนเองมั้ยคะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ารู้สึกเศร้าก็เป็นอกุศลจิต ถ้าเฉย ๆ ก็เป็นโมหจิต คือหลงลืมสติ ถ้าสติระลึกรู้ตามความเป็นจริงของจิตขณะนั้น ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่ปรากฏ เพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด แล้วก็ดับไป ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา อาการเช่นนี้ เรียกว่าเป็นผู้มี "สติคุ้มครองกายและใจ"....อย่าลืมนะคะ หมั่นสร้างกุศลกรรม และละเว้นอบายมุข....ท่านก็จะมีความสุข ทั้งในภพนี้และภพหน้าจ๊ะ....รอคอยติดตามฟังข่าวใหม่จากเทพธิดาอารีย์ต่อไปอีกนะคะ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่ง เธอคงจะมีเรื่องบนสวรรค์ มาเล่าให้พวกเราฟังกัน...สำหรับบทความนี้ก็จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว.....วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบ ๓ ปี แห่งวันสิ้นภพชาติการเป็นมนุษย์ของพี่อารีย์....ขอให้เทพธิดาอารีย์ จงเจริญในบารมีธรรมและมีความสุขยิ่ง ๆ เทอญ.....สวัสดีค่ะ