นะโม กวนซีอิม ผ่อสัก |
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ศรัทธาเลื่อมใสในบารมีพระแม่กวนอิมทุกท่าน...... วันนี้ก็ได้ฤกษ์ที่จะเขียนตอนที่ ๒ แล้วจ๊ะ ถ้าปล่อยให้ท่านผู้อ่านรอนานเกินไป ท่านแม่ก็จะต้องมาดุฉันแน่ ๆ เลย ฉะนั้นต้องตั้งใจเขียนให้จบ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณและเพื่อเป็นการเผยแพร่พระบารมีของท่านแม่กวนอิมปางพันมือด้วย นอกจากนั้นฉันก็อยากจะให้ทุกท่านที่เป็นศิษย์และไม่ใช่ศิษย์ของพระแม่ก็ตาม ได้รู้จักเกี่ยวกับท่านแม่พันมือในหลาย ๆ ลักษณะ.....เพื่อไม่ให้เสียเวลามาก ฉันก็จะขอเล่าต่อเลยนะคะ
เมื่อตอนที่แล้วได้เล่าถึง ตอนที่เราได้อัดเสียงของพระแม่พันแม่ไว้แล้ว ท่านร้องเพลงและพูดอะไรก็ไม่ทราบน่ะ เราก็ได้นำไปให้คนจีนเวียตนาม เจ้าของร้านอาหารจีน ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก เขาก็พยายามฟังตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถแปลให้เราเข้าใจได้ เขาบอกว่าเป็นภาษาจีนโบราณ แปลได้เป็นบางคำ เราก็ไม่สามารถที่จะเดาได้ ก็เป็นอันว่าต้องลงมือเรียนด้วยตนเอง......ท่านแม่กวนอิมท่านมีญาณหยั่งรู้หมด เราไปทำอะไรที่ไหนท่านรู้หมด ท่านรู้ว่าเราพูดอะไรหรือคิดอะไร ฉันได้พูดกันในครอบครัวว่า "ต่อไปพวกเราคงจะต้องช่วยกันจดและจำคำที่ท่านแม่พูด และหัดพูดกับท่าน เพื่อที่จะได้สื่อความหมายกันรู้เรื่อง แต่เราก็ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ สามีฉันยังไม่ยอมรับท่านแม่กวนอิม ท่านแม่ก็ทราบดีเหมือนกันว่า สามีไม่เชื่อว่าท่านคือ "พระโพธิสัตว์กวนอิม" เขาคิดว่าฉันเป็นโรคจิต ท่านแม่รู้ใจสามีฉัน ว่าเขาคิดอะไร ทุกคนในบ้านเชื่อสนิทว่าเป็นญาณของพระแม่กวนอิมมาประทับร่าง เพราะเขาเห็นได้ชัดว่า ขณะนั้นไม่ใช่ตัวฉันเลย ลักษณะท่าทางและอากัปกิริยาต่าง ๆ นอกจากนั้นยังพูดภาษาอะไรก็ไม่ทราบ ไม่มีใครเข้าใจด้วย แล้วจะหาว่าเป็นฉันได้อย่างไร.....
พระแม่พันมือได้แสดง ให้เห็นในลักษณะเป็นคนชรามาก ๆ ในตอนแรก ๆ พอตอนต่อไปเมื่อรู้จักกันพอสมควรแล้ว ก็ได้แสดงให้เห็นหลายลักษณะ......สามีเห็นแล้วก็ยังไม่ยอมเชื่อ ก็ยังปักใจว่าฉันเป็นโรคจิตบ้าง โรคประสาทบ้าง แต่ท่านแม่ก็ไม่สนใจว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ท่านก็ไป ๆ มา ๆ ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวเอง เดี๋ยวก็เป็นลม บางครั้งอยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้เสียใจ เดี๋ยวก็อารมณ์ดี แล้วก็ร้องเพลงไพเราะมาก เวลาร้องเพลงก็ร่ายร่ำอ่อนช้อยเชียว เวลาไม่พอใจก็ร้องดุเสียงดังตกอกตกใจตาม ๆ กัน แล้วก็ร่ายรำพร้อมกับกระทืบเท้าจนพื้นบ้านสั่นสะเทือน สามีก็กลัวว่าเท้าฉันจะพัง ก็ต้องรีบเข้ามากอดไว้ไม่ยอมให้กระทืบอีกต่อไป ส่วนน้องสาวและลูก ๆ ก็พากันคอยห้ามปรามทุกครั้งไป ก็จะบอกว่า "นั่นไม่ใช่ Mama นั่นพระแม่กวนอิม" แต่เขาก็ไม่สนใจ เวลามีอาการเช่นนี้ทีไรเขาก็จะอุ้มฉันไปนอนที่เตียง ฉันรู้สึกตัวว่าไม่มีแรง ก็จะหลับไปสักครู่ พอรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วท่านแม่ก็จะบ่นต่ออีก จนกระทั่งเป็นที่พอใจแล้วจึงปล่อยร่างให้เป็นปรกติ
ขณะที่พระแม่ท่านประทับร่างฉันอยู่นั้น ฉันก็พอมีสติรู้อยู่ข้างใน รู้ทุกอย่างที่คนภายนอกพูดคุยกัน หรือทำอะไรกัน ทวารทั้ง ๖ ก็ยังทำงานตามปรกติอยู่ เพียงแต่จิตไม่สามารถที่จะเป็นปัจจัยให้กายวิญญัติรูป (การเคลื่อนไหวทางกาย) และวจีวิญญัติรูป (การเคลื่อนไหวทางวาจา) เกิดขึ้นได้.....ตอนนั้นรู้สึกว่าร่างกายและจิตใจตนเองยังวุ่นวายสับสนอยู่ เพราะไม่เคยเจออย่างนี้มาก่อน และไม่ทราบจะไปปรึกษาใครได้ จิตมีแต่ความกลัว เรียกว่ากลัวกันทั้งบ้านเลย แต่ทำไงได้ ท่านแม่กวนอิมท่านคงจะมาทำงานโปรดสรรพสัตว์ เพราะเหตุว่าเราไปตั้งชื่อของสมาคมโดยใช้ชื่อของท่าน ๆ ก็เลยมาที่สมาคม.....ในที่สุดเราทุกคนยอมรับท่านด้วยความศรัทธาและรักท่านมาก ท่านคือ "พระแม่กวนอิมโพธิสัตวฺ์" ที่เราบูชากราบไหว้ทุกวัน ช่วงที่ท่านมาบ่อย ๆ ท่านก็จะแสดงอิทธิฤทธิ์เป็นนิมิตในฝันทุกคืนเลย ฉันมักจะเห็นตนเองในฝันเหาะได้ เหาะไปหลายแห่งไปช่วยคนที่มีทุกข์ บางครั้งเข้าไปตามบ้านคน บางครั้งไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวัดจีนหลายแห่ง รู้สึกโลดโผนมาก จิตก็ทราบดีว่า เป็นปาฏิหาริย์ของท่านแม่พันมือ ท่านต้องการจะให้ฉันแน่ใจว่าท่าน คือพระแม่กวนอิมปางพันมือ หลังจากนั้นมา ฉันและทุกคนในบ้านก็เริ่มสบายใจขึ้นมาบ้าง.....ท่านแม่รู้ว่า พวกเราต้องการจะเรียนภาษาของท่าน
เย็นวันหนึ่งท่านมาแบบเงียบ ๆ มานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร แล้วเรียกพวกเราให้มานั่งร่วมโต๊ะ มีน้องสาวและลูกสาวเข้ามานั่งลงที่พื้นใกล้ ๆ ท่าน ส่วนสามีและลูกชายดูทีวีอยู่เลยไม่ได้ร่วมฟังท่าน.....ท่านแม่พูดภาษาจีนพร้อมทำท่ากำกับ บอกว่าให้เตรียมกระดาษและดินสอไว้จดด้วย เมื่อพร้อมแล้วท่านก็สอนให้พูด คำแรก "จ๊าจี้" แปลว่าน่ารัก.... "ตูจ๊าจี้" แปลว่าเธอน่ารัก..... "ทิเจ๊ะ" แปลว่าไม่่ดี...."เจ๊ะ" แปลว่าดี....เวลาท่านแม่จะกลับ ท่านจะบอกว่า "เช" สอนแค่นิดหน่อย แล้วก็มีการสนทนากันอย่างสนุกสนาน ท่านแม่แสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดู ด้วยการตรวจดวงของใครคนหนึ่ง ที่เวลานี้ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน แล้วท่านก็เข้าสมาธิกำหนดดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่าว่า ท่านเห็นคนไทยเจ้าของร้านอาหารไทยในเมืองซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านเรา เขากำลังจะเจ๊งเพราะเป็นคนไม่มีสัจจะ ชอบเล่นการพนัน กุ๊กที่ไม่พอใจเจ้าของร้านเพราะว่าให้ค่าจ้างน้อยมาก ทำงานหนักเงินเดือนน้อย เขาเลยแกล้งทำอาหารไม่อร่อยและไม่สะอาด อีกหน่อยไม่มีคนเข้าร้าน ท่านแม่พันมือบอกว่า "ช่วยไม่ได้เพราะว่าเขาเป็นคนไม่อยู่ในศีลในธรรม" ท่านผู้อ่านคงจะสงสัย ว่าเรารู้เรื่องที่ท่านพูดได้อย่างไร น้องและลูกสาวฉัน เขาช่วยกันแปลด้วยวิธีพูดเป็นภาษาไทย แล้วก็ถามท่านว่า ต้องการพูดเช่นนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ท่านก็จะพยักหน้า ถามว่า "ทำไมท่านแม่ไม่พูดภาษาไทยหรือภาษาเยอรมันก็ได้ พวกเราจะได้เข้าใจง่ายขึ้น" ท่านตอบว่า ท่านไม่ต้องการพูด ท่านต้องการให้พวกเราเรียนภาษาของท่าน
สำหรับตอนที่ ๒ นี้ต้องขอยุติไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วพบกันในตอนที่ ๓ อีกนะจ๊ะ